Figs-มะเดื่อฝรั่ง(ญี่ปุ่น)
          ฟิกส์พันธุ์ดี ที่ปลูกกันในประเทศไทย มีหลายสายพันธ์ สายพันธุ์ญี่ปุ่นเป็นสายพันธ์หนึ่งที่ได้รับความนิยม โดยเป็นพันธุ์ที่ผ่านการปลูกทดสอบในไทยมานานหลายปีแล้ว พร้อมทั้งเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลทางวิชาการตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้อง และพบว่าพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่ดีเด่นมากพันธุ์หนึ่งในบรรดาพันธุ์ที่นำมาทดสอบทั้งหมด ซึ่งพบว่าพันธุ์นี้สามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพภูมิอากาศในบ้านเรา สามารถติดผลดกมากได้เองไม่ต้องมีการผสมเกสรโดยแมลง (partenocarpic) ไม่ต้องปลูกหลายต้น แม้มีเพียงต้นเดียวก็ติดผลได้ ทนร้อน ชอบแดดจัดทั้งวัน ไม่ชอบร่มเงา ผลไม่มีร่วงหรือสลัดผลทิ้ง ขั้วผลเหนียว ขนาดผลประมาณเท่าไข่ไก่หรือไข่เป็ด ( 1-1.5 ขีดต่อผล หรือ 7-10ผลต่อกก.) เมื่อสุกผิวผลแดงจัดถึงม่วงเข้ม เนื้อในสีแดงสตรอเบอรี่ เมล็ดเล็กลีบกรุบกรอบทานได้ ผลใช้ทานสดๆ รสชาติจะหวานเข้มข้น ไม่มีเปรี้ยวปนแม้แต่นิด หอมคล้ายกลิ่นกุหลาบ เนื้อละเอียดแทบละลายในปากโดยเกือบไม่ต้องเคี้ยว เมื่ออบแห้ง ตากแห้ง จะมีสีเกือบดำ รสชาติหวานจัด เนื้อเนียนละเอียด หรือเมื่อทำการแปรรูปต่างๆ เช่น ทำแยมผลไม้ บรรจุกระป๋อง ลอยแก้ว แช่อิ่ม ผสมในชาคล้ายชาไข่มุก ผสมในการทำน้ำผลไม้ปั่น หรือใช้เป็นส่วนผสมในการทำขนมทดแทนลูกเกดได้ดี จะให้ผลิตภัณท์ที่มีสีสวย ออกไปทางแดงหรือม่วง
คุณค่าทางอาหาร:

          มะเดื่อฝรั่งมีคุณค่าทางอาหารสูงสุดจัดอยู่ในสิบอันดับแรกของผลไม้ที่มีในโลก มีประวัติการปลูกมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล(มากกว่า 2000 ปี) มีสารอาหารที่มีคุณประโยชน์กับร่างกายมากมาย ในตำนานยุโรป และ ตะวันออกโบราณได้มีการจารึกไว้ว่า ชาวกรีก ชาวโรมัน และ ชาวอียิป ได้ให้ผลฟิกส์แก่นักรบกินระหว่างอาหารทุกมื้อเพื่อกระตุ้นความแข็งแกร่งของกระดูกและกล้ามเนื้อ เพิ่มทักษะ ปฏิภาณ ไหวพริบ และ กำลังวังชาเมื่ออยู่ในสนามรบ
คุณค่าทางโภชนาการ

- มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กสูงมาก อันจะช่วยเสริมสร้าง ซ่อมแซม เพิ่มความแกร่งให้กล้ามเนื้อ เสริมความแข็งแรง ของกระดูกและฟัน แต่ไม่มีธาตุโซเดียม ไขมัน หรือ คลอเรสเตอรอล
- ช่วยสร้างสมดุลของกรดด่างในร่างกาย ถนอมสุขภาพลดรอยเหี่ยวย่นทำให้อ่อนวัยลง
- ป้องกันโรคนิ่วในไต กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคปอด ช่วยฟอกตับและม้าม
- มีใยอาหารสูงมากกว่าผักและผลไม้ใดๆมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆช่วยในระบบขับถ่ายกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ลดปัญหาท้องผูก
- มีโปรตีน เอนไซม์โดยเฉพาะ photolytic enzyme ที่ช่วยย่อยอาหารและสมานแผลในปาก
- มีวิตามินเอ บี 1 บี 2 วิตามินซี ไนอาซิน และมี antioxidant polyphenol สูง ป้องกันโรคมะเร็งต่างๆ ในทางการแพทย์สารสกัดจาก ฟิกส์ได้ถูกทดลองใช้ในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง
- ให้พลังงานสูงจากคาร์โบไฮเดรต ในขณะที่ปราศจากไขมัน โคเลสเตอรอล หรือโซเดียม จึงไม่มีปัญหากับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคตับ
          กรดอินทรีย์ของมะเดื่อฝรั่งมีคุณสมบัติช่วยสร้างสมดุลระหว่างความเป็นกรด-ด่าง ในร่างกายมีโปรตีน Fictin ที่สามารถย่อยเนื้อได้ดี และมีปริมาณน้ำตาลธรมชาติมากถึง 83 % ได้แก่ น้ำตาลกลูโครส ฟรุกโตส และซูโครส ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานความร้อนสูงอีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหารประเภทให้เส้นใยสูง ช่วยในการกำจัดของเสียของร่างกายทำให้ขับถ่ายดีขึ้น ป้องกันนิ่ว กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคปอด ฟอกตับ ม้าม และที่สำคัญมีสารยับยั้งและป้องกันเซลล์มะเร็ง เป็นยารักษาโรค ช่วยระงับการเจริญเติบโตของมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย มะเดื่อฝรั่งจัดเป็นผลไม้ที่บริโภคเป็นอาหารและยา มีข้อมูลที่เป็นวิชาการและยอมรับกันทั่วโลกว่า มะเดื่อฝรั่งมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก โดยเฉพาะปริมาณของธาตุแคลเซียม ไม่มีธาตุโซเดียมที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนั้นในผลไม้ชนิดนี้ไม่มี คอเลสเตอรอล ในบางตำราถึงกับบอกว่าถ้ามีการบริโภคมะเดื่อฝรั่งเป็นประจำจะช่วยในการป้องกันโรคนิ่วในไตป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบและยังช่วยฟอกตับและม้าม หลายคนทราบดีว่าคนไทยหันมารักสุขภาพกันมาก

การปลูก
          มะเดื่อฝรั่งมาจากต่างประเทศถูกนำมาปลูกในหลายพื้นที่ในประเทศไทยประสบความสำเร็จให้ผลผลิตที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับที่ปลูกในต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อนำมาปลูกในเขตพื้นที่ภาคกลางและเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศค่อนข้างร้อนช่วงฤดูหนาวมีอากาศไม่หนาวเย็นมากมะเดื่อฝรั่งเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตเร็ว โดยปกติแล้วกิ่งพันธุ์มะเดื่อฝรั่งที่มีการซื้อ-ขาย กันนั้นจะเป็นกิ่งประเภทกิ่งตอน,ปักชำและติดตา เป็นต้น เมื่อนำต้นมะเดื่อฝรั่งมาปลูกลงแปลงหรือบางสายพันธุ์ปลูกในกระถางได้ (มะเดื่อญี่ปุ่นปลูกในกระถางได้) จะให้ผลผลิตเมื่อต้นมีอายุได้เพียง 5-6 เดือน ฟิกส์สามารถปลูกและให้ผลผลิตในกระถางขนาดตั้งแต่ 12 นิ้วขึ้นไปได้ โดยใช้เวลาหลังปลูกไม่เกิน 6 เดือน จะสามารถเริ่มให้ผลผลิตได้ โดยพบว่ามีโรคและแมลงรบกวนน้อยมาก จึงแทบไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีให้อันตรายและสิ้นเปลือง เหมาะสำหรับปลูกเพื่อทานเองในบ้าน การปลูกดูแล รักษาง่าย น้ำรดไม่บ่อย หน้าดินไม่แห้งไม่ต้องรด อย่างมากวันละครั้ง หรือ 2-3 วันครั้ง ปลูกชิดหรือถี่ได้ตามพื้นที่ หากที่น้อยปลูกชิด ปล่อยให้สูง หรือจัดแต่งกิ่งเป็นรูปพัดพาดขนานไปกับกำแพง ปลูกในกระถางตั้งไว้ที่ว่างหรือดาดฟ้าได้ ใช้เป็นร่มเงาได้หากปล่อยให้แตกกิ่งครั้งแรกเมื่อต้นสูงเลยศีรษะ สำหรับผู้รักบอนไซ ฟิกส์ใช้ทำบอนไซได้สวยงามที่สุดและเมื่อติดผลจะสวยเด่นเป็นพิเศษ การใช้ปุ๋ยช่วงแรกใช้ปุ๋ยที่มีทั่วไปเช่นสูตรเสมอเร่งให้ต้นและผลโตดี เมื่อผลเท่าปลายนิ้วโป้งโยกไปใส่ปุ๋ยตัวท้ายสูงเพื่อเพิ่มรสชาติให้หวานอร่อย นอกจากนั้นมะเดื่อฝรั่งยังนำมาปลูกในระบบปลอดสารพิษ ได้ถึงแม้จะมีข้อมูลในต่างประเทศว่ามะเดื่อฝรั่งมีศัตรูระบาดทำลายอยู่หลายชนิดแต่ยังจัดได้ว่าน้อยกว่าผลไม้เศรษฐกิจหลายชนิดที่จะต้องมีการฉีดพ่นสารปราบศัตรูพืชเป็นประจำจากการศึกษาการปลูกมะเดื่อญี่ปุ่นเป็นเวลาประมาณ 1 ปี พบว่าศัตรูที่สำคัญมีเพียงนกและมดเท่านั้น ซึ่งหาวิธีการป้องกันได้ไม่ยาก สำหรับปัญหาเรื่องแมลงวันทองจะใช้วิธีการห่อผลในช่วงที่ผลเริ่มเข้าสีเพียง 2-3 วันเท่านั้น.

การออกดอกติดผล
          ปกติมะเดื่อฝรั่งสายพันธุนี้จะติดผลเองตามธรรมชาติปีละ 2 ครั้ง หากไม่มีการตัดแต่ง คือ ครั้งแรก ออกผลจากกิ่งอายุมาก(กิ่งแก่สีน้ำตาล) ในเดือน กย. และทยอยเก็บผลทุกวันได้ 3-4 เดือน และออกผลครั้งที่สองจากกิ่งอายุน้อย (กิ่งที่กำลังเติบโต) ในเดือน เม.ย. และทยอยเก็บผลทุกวันนับไปจากนี้อีก 3-4 เดือนเช่นกัน แต่หากใช้การตัดแต่งกิ่งเข้าช่วย ง่ายๆโดยการตัดปลายยอดทิ้งเสมอๆ เมื่อมีกิ่งแตกใหม่จะมีการติดผลทันที จึงสามารถบังคับผลให้ออกในช่วงที่ต้องการได้ แม้กระทั่งให้ออกผลตลอดปี ต้นพันธุ์ที่จำหน่าย จะมีความสูงมากกว่า 50 ซม. ปลูกในกระถางเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว มีการติดผลแล้วทุกต้น ตั้งแต่ส่วนโคนใบล่างไล่ไปจนใบยอดสุด และจะใช้ระยะเวลาในการเจริญเติบโตของผลอีกประมาณ 2.5 เดือนผลจะเริ่มสุก รับประทานได้ และผลจะทยอยสุกเกือบทุกวัน อีกนานหลายเดือน
reference : http://www.e-busitrade.com
contact : c_p_u@hotmail.com
Free Web Hosting